วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

Ep.3 Cars Battle : Isuzu D-Max VS Nissan NP300 Navara ...!!

ตลาดรถยนต์เมืองไทยในปัจจุบันนี้  ยอดขายถือว่าลดลงจากปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด เพราะด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งโครงการรถคันแรก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงประเทศ ก็ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจในทุกด้านโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้…!!

และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา งานมหกรรมยานยนต์เพื่อขาย ใหญ่ที่สุดในอาเซียน Bangkok International Grand Motor Sale 2014 หรือ Big Motor Sale 2014 ก็พึ่งจะปิดฉากลงอย่างสวยงาม ด้วยยอดจองในงานรวมกว่า 15,700 คัน  มอเตอร์ไซค์  2,480 คัน และมีเงินสะพัดในงานกว่า 30,000 ล้านบาท แต่ก็มีอีกสิ่งที่ทำให้หลายๆคนสามัญชนรากหญ้าแทบกระอักเลือดก็คือในเรื่องของภาษีรถยนต์ ที่อยาก อย้าก อยากให้ลดลงกว่านี้ได้ไหมลูกพี่ (ขนาดภาษีแพงขนาดนี้ ปัจจุบันรถก็ติดหนึบอย่างกะตังเม และถ้าลดภาษีลง รถจะติดขนาดไหนเนี่ย?? มันก็น่าคิดนะ!!)


“รถปิกอัพ” หรือรู้จักกันดีในนาม “รถกระบะ” ถือว่าเป็นรถที่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภูมิประเทศ อาชีพ การทำมาค้าขาย รวมไปถึงบางครอบครัวสามารถมีรถได้คันเดียว ดังนั้นมันจึงจำเป็นมากว่ารถจะต้องนั่งโดยสารได้ เดินทางไกลได้ ขนของได้ ลุยได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วคงจะไม่มีรถประเภทไหนที่จะตอบโจทย์ได้ดีไปกว่ารถกระบะ เพราะฉะนั้นเจ้ารถกระบะนี่แหละที่เหมาะสมกับคนไทย (ส่วนมาก) ที่สุด และในปัจจุบันนั้นรถกระบะได้มรการพัฒนาไปในทิศทางที่เกินความคาดหมายมาก ซึ่งจะเน้นให้รถขับง่ายสบาย ภายในดูหรูหรา แต่ก็ยังไม่ทิ้งในเรื่องของพละกำลัง รวมไปถึงขีดความสามารถในการบรรทุกเลยแม้แต่น้อย มันเลยยิ่งเป็นรถที่ถูกอกถูกใจชาวไทยสุดๆ!!

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด ได้เปิดตัวรถกระบะพันธ์แกร่ง All-New Nissan NP300 Navaraซึ่งหลายคนคงจะได้เห็นทั้งตามเว็บและตัวจริงมาบ้างแล้ว ต่างก็ติชมกันมากทีเดียว ซึ่งเมื่อมองโดยรวมจะรู้ทันทีว่าคอนเซ็นต์ในการออกแบบของ NP300 Navara นั้นตั้งใจอยากให้ภายนอกดูมีความปราดเปรียว ดูสปอร์ต และทันสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งความบึกบึนอันเป็นเอกลักษณ์เอาไว้ ส่วนภายในนั้นจะเน้นไปที่ความสะดวกสบาย และหรูหราเป็นหลัก เมื่อนำเรื่องของการดีไซน์เป็นตัวตั้งและมาวิเคราะห์และคัดสรรค์รถกระบะกันจริงๆ แล้ว Colorado กับ Ranger ดีไซน์จะออกไปทางเมืองลุงแซม มะกันๆหน่อย ส่วน BT-50 Pro ก็ออกแบบได้ล้ำสมัยสไตล์เก๋งเกินหน้าเกินตาเพื่อนฝูงไปแล้ว งั้นก็จะเหลือเพียงเจ้า D-Max ซึ่งน่าจะมีแนวคิดในการดีไซน์ใกล้เคียงกันที่สุด เพราะเป็นรถ 2 คันที่ภายนอกดุ ภายในเน้นหรูหรา และญี่ปุ่นจ๋ากันทั้งคู่

ด้วยเหตุนี้เราจึงได้นำ Isuzu D-Max Super Daylight กับ Nissan NP300 Navara มา Battle กัน แต่จะเป็น สี่ประตูขับสองยกสูงรุ่นต่ำสุด มาวัดกัน โดยทาง Isuzu D-Max จะเป็นรุ่น Hi-Lander 2.5 VGS Z ราคา 818,000 บาท ถือว่าเป็นรุ่นล่างสุด และทาง NP300 Navara รุ่นล่างสุดราคาจะอยู่ที่ 757,000 บาท ซึ่งราคามันห่างกันเยอะไป เราจึงมองหารุ่นที่มีราคาใกล้เคียงกันนั่นคือรุ่น CALIBRE EL 6MT เป็นรุ่นที่ 3 (นับจากรุ่นล่างสุดขึ้นมา) ค่าตัวอยู่ที่ 819,000 รุ่นนี้แหละที่สูสีและเทียบกันมันส์

รูปร่างหน้าตาภายนอก


                มาเริ่มกันที่เจ้า D-Max กันก่อน ซึ่งย้อนไปเมื่อตอนเปิดตัวใหม่ๆ เป็นรถที่มีผู้คนให้ความสนใจมากทีเดียว ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูปราดเปรียวและทันสมัยขึ้น โดยเมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นไฟหน้าที่ดูเรียวขึ้น พร้อมวางไฟเลี้ยวไว้ด้านบนทำให้ดูเด่นและลงตัว กระจังหน้ายังบ่งบอกถึงความเป็นดีแม็กซ์จากรุ่มเดิมอย่างชัดเจน ช่องรับลมด้านล่างทำเหมือนปากกำลังยิ้มโชว์เหล็กดัดฟัน และข้างๆก็ได้ติดตั้งไฟ DRL มาให้ตามชื่อรุ่น Super Daylight แต่จะขอติหน่อยนะว่า คุณพี่ไม่น่าเอาไฟตัดหมอกออกเลยอ่ะ ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากในยามทัศนวิสัยไม่ดี (แต่ถ้าเปิดกันพร่ำเพรือ ก็น่าเอากำมือเขกกระบาลเหลือเกิน) ส่วนฝากระโปรงก็เล่นปาดซะโบราณเลย ถ้าทำให้มันโอบมาด้านข้างเหมือนเพื่อนๆเขา มันจะดูหล่อขึ้นได้อีก ส่วนเรือนร่างด้านข้างก็ออกแบบมาได้สวยดี เส้นสายต่อเนื่องตั้งแต่หน้าจรดท้าย แต่ถ้ายกขอบกระบะให้สูงขึ้นอีกหน่อย จะเท่และจ้าบกว่านี้ โดนรวมถือว่าดีไซน์ออกมาได้ดีครับ แต่ยังมีกลิ่นอายของรุ่นเดิมที่ยังอบอวนอยู่ไม่น้อยเลย



                NP300 Navara โป้งแรกที่สายตามองกระทบเข้าไปที่ด้านหน้า หลายคนบอก “นี่ All New แล้วหรอ??” โฉมนี้ตอนแรกๆที่เห็นภาพ ก็แอบรู้สึกผิดหวังนิดๆ เพราะยังมีดีเอ็นเอจากตัวเดิมมาเยอะทีเดียว (ชะตากรรมเดียวกันกับดีแม็กซ์นั่นแหละ) แต่ในความสดใหม่นั้น ถ้ามองกันดีๆถือว่าได้ทิ้งลุคเดิมๆที่ดูแข็งๆ ถึกๆ ลดให้น้อยลง และเพิ่มเสน่ห์ด้วยการทำให้รถดูหรูทันสมัยขึ้น โดยที่ไฟหน้าที่ขอบอกว่าลงตัว และสวยงามมากจริงๆ ด้วยการจัดวางตำแหน่งไฟต่างๆ พร้อม DRL ไว้ในโคมเดียวกัน กระจังหน้าโครเมี่ยมยังเป็นแบบสไตล์เดิม ช่องรับลมด้านล่างทำเป็นตัว คว่ำเหมือนเดิม และมีไฟตัดหมอกพร้อมกรอบโครเมี่ยมแปะเป็นลักยิ้มไว้อย่างสวยงาม ฝากระโปรงข้างๆจะถูกยกให้สูงขึ้นเพื่อให้รับกับหลักอากาศพลศาสตร์และดูสวยงาม แต่ข้อเสียมันก็มี เพราะฝากระโปรงยกสูงขึ้นทำให้ทัศนวิสัยในด้านหน้าจะเกิดมุมอับและกะระยะได้ยากขึ้นกว่าเดิม และต้องเพิ่มความไม่ประมาทให้มากขึ้นด้วย พอมาดูด้านข้างจะเห็นเส้นสายของรถที่ให้ความรู้สึกบึกบึนดี ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากรุ่นพี่ Titan พอสมควร รวมไปถึงไฟท้ายที่ยืดออกจากตัวเก่าให้ยาวและใหญ่ขึ้น ฝาท้ายถูกเฮือนให้เป็นรูปตัว อันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน (ลูกเล่นเดียวกันกับดีแม็กซ์ เพราะนั่นก็กรีดเส้นสายยันท้ายเช่นกัน) และ NP300 จะจ้าบกว่าใครๆด้วยการติดสปอยเลอร์ท้ายกระบะเป็นรายแรกของวงการปิกอัพเมืองไทย และยังดูดีแถมมีประโยชน์อีกด้วย และมีหลายๆจุดที่รถกระบะคันนี้ได้ติดขอบยางกันลม กันการเสียดสี ในเกือบทุกๆจุดที่มีระยะห่าง ถือว่าเป็นการใส่ใจในรายละเอียดที่ดีเยี่ยมทีเดียว การออกแบบโดยรวมที่เหมือนจะฉีกหนีจากรูปทรงเดิมๆ แต่ก็ยังมี DNA จากรุ่นเดิมติดมาเยอะพอสมควร

           เมื่อดูจากมิติแล้วจะเห็นว่า NP300 นั้นยาวกว่า D-Max และความสูงก็เตี้ยกว่าแน่นอน ในส่วนของพื้นที่กระบะนั้น น้องนาทำได้ดีกว่าชัดเจนในทุกมิติ แต่ก็มีน้ำหนักตัวที่มากกว่าเช่นกัน
           อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกถือว่าสูสีกันมากครับ NP300 จะได้ไฟหน้าแบบ LED โปรเจ็คเตอร์ และจะมีไฟตัดหมอกมาให้เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะดีแม็กซ์ไม่มีไฟตักหมอกหน้ามาให้สักรุ่น

ภายใน


                เปิดประตูบานหน้าของดีแม็กซ์ออกมาได้กว้างดีส่วนบานหลังถึงแม้จะเปิดได้ไม่กว้างเท่า BT-50 Pro/Ranger แต่ก็สามารถเข้าออกได้ไม่ลำบาก เมื่อขึ้นไปนั่งเบาะหน้าฝั่งคนขับปรับท่านั่งให้เหมาะสม พวงมาลัยจับแล้วกระชับมือดี อุปกรณ์ต่างๆ จักไว้ให้ใช้งานได้สะดวกไม่เอื้อมไกล สิ่งหนึ่งที่มีมาให้มากจริงๆ เห็นจะเป็นที่เก็บของ ไม่ว่าจะเป็นหลุมบนคอนโซลพร้อมฝาปิด เวลากดต้องโฟกัสให้ถูกจุดนิดหนึ่งจึงจะเด้งออกมาได้ง่ายๆ เก้ะ ที่วางแก้ว บริเวณหลังคันเกียร์ ฯลฯ ถือว่าวิศวกรค่อนข้างจะใส่ใจและรู้นิสัยการใช้รถเป็นอย่างมากโดยเฉพาะคนไทย ระยะการเข้าเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รู้สึกจะมีระยะที่ยาวพอประมาณ กล่าวคือ ไม่สั้น และไม่ยาวจนเกินไป (ไม่ได้ยาวเท่าวีโก้ ที่หลายคนบอกเหมือนขับรถ ขสมก. อ่ะ) โดยรวมของคอนโซนให้อารมณ์เหมือนอยู่ในรถเก๋ง อาจจะไม่เหมือนมาก แต่ก็ถือว่าได้ลบความเป็นกระบะที่คุ้นเคยออกไปได้ แผงประตูข้างเป็นพลาสติก แต่ไม่มีการบุวัสดุนุ่มๆ หรือแม้แต่วัสดุผ้าก็ไม่มีมาให้ ส่วนเบาะนั่งให้ความรูสึกที่นุ่ม พนักพิงศีรษะไม่ดันหัว อยู่ในเกณฑ์ที่พอดีมาก นั่งสบายมาก พอมานั่งเบาะหลัง คนสูง 178 ซม.นั้นนั่งได้สบายๆเลย พื้นที่ขาเหลือมากพอสมควร พื้นที่เหนืศีรษะเหลือประมาณหนึ่งกำมือ พนักพิงเอนได้ในระดับที่รับได้ คือไม่ชันมากไป แต่ขอบอกว่านั่งสบายในทุกๆที่จริงๆ


                NP300 Navara เปิดประตูหน้าออกมามีระยะการเปิดที่กว้างไม่ต่างกัน สายตาสาดไปทั่วบริเวณภายในรถ คำแรกที่เอ่ย “โอ้วว!! นี่รถกระบะหรือนี่!!” มือทั้งสองข้างยกขึ้นจับพวงมาลัยอย่างแผ่วเบา ให้ความรู้สึกที่กระชับมือดี ดีไซน์ของพวงมาลัยก็ยกของTeana มาทั้งดุ้นเลย มาตรวัดต่างๆอ่านได้ง่ายสบายตา การจัดวางตำแหน่งของอุปกรณืต่างๆ มองเห็นได้ง่าย สามารถใช้ได้สะดวกไม่ไกลมือ ที่เก็บของก็มีมากเช่นกัน หลุมเล็กหลุมน้อย ที่วางแก้วมีเต็มไปหมด สูสีกันมาก และที่กิ้บเก๋เท่ไม่เหมือนใคร ก็คือปุ่ม Push Startรายแรกของกระบะเมืองไทยซึ่งจะถูกติดตั้งไว้ข้างๆคอพวงมาลัยด้านซ้าย ระยะการเข้าเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ถือว่าระยะห่างกำลังดี และมันสั้นกว่าดีแม็กซ์ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากอะไร ถ้ามีคนสงสัยเมื่อเทียบกับ BT-50 Pro/Ranger ล่ะใครสั้นกว่ากัน เจ้า 2 พี่น้องนั้นสั้นกว่าแน่นอน และสั้นกว่ามากๆด้วย ส่วนเบาะนั่งนั้นนุ่มกำลังดี แต่พนักพิงศีรษะจะดันหัวไปหน่อย วิธีแก้คือเลื่อนหมอนพิงขึ้นไปอีกสเต็ป ก็น่าจะได้ตำแหน่งที่เหมาะสม ภาพรวมห้องโดยสารโดยเฉพาะแผงคอนโซลหน้านั้น ถือว่าได้เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามืออย่างเห็นได้ชัด ทิ้งคราบเหลี่ยมๆ เฉิ่มๆ ไปได้หมดสิ้น และมันจัดว่าเป็นภายในที่หรูที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้ เปิดประตูด้านหลังออกมาก็กว้างพอๆกันแหละครับ แต่ก่อนที่จะขึ้นไปนั่ง ความสงสัยก็มีว่ามันจะกว้างกว่ารุ่นเก่าหรือเปล่านะ?? พอนั่งลงพรึ๊บ!! พื้นที่วางขามีระยะห่างพอๆกับดีแมกซ์ พื้นที่เหนือศีรษะยังเหลือๆ แต่ความรู้สึกที่ได้คือ เบาะรองนั่งสั้น (แต่ไม่มาก) พนักพิงเอนได้มากกว่ารุ่นเดิมอยู่นิดๆ แต่ตำแหน่งของเบาะดูเหมือนจะต่ำเกินไป ทำให้เวลานั่งเข่าจะชัน และอาจทำให้เกิดอาการเมื่อยได้ยามเดินทางไกล ถ้าเทียบกับตัวเดิมมันจะนั่งได้สบายขึ้นนิดๆ ถ้าเทียบกับ D-Max ดีแมกซ์นั่งสบายกว่า เพราะด้วยตำแหน่งของเบาะที่ไม่ต่ำจนเกินไป พนักพิงก็ยังเอนมากกว่า NP300นิดหน่อย ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายและสบายกว่าน้องนาในระดับหนึ่งเลย (ในจุดนี้ถ้าให้คะแนน D-Max เป็น 100น้องนาก็จะอยู่ประมาณ 90-93%) นอกจากนี้คุณก็จะสะดุดตากับช่องแอร์ตอนหลัง...หงัง...หงังๆๆ!! ที่มีเป็นครั้งแรกของวงการรถกระบะเมืองไทย (อีกแล้ว!!) ใครที่นั่งตรงกลางๆเบาะ ก็ถือว่าเจอแจ็คพอร์ตไป อย่างกับได้ไปเล่นสกีท่ามกลางพายุหิมะปกคลุมเลยล่ะครับ และนิสสันเขาก็ให้มาในทุกๆรุ่นซะด้วย แม้แต่รุ่น King Cab ยังติดมาให้เลยขอรับ



                มาว่าในเรื่องของอุปกรณ์มาตรฐานภายในกันบ้าง จะเห็นชัดเจนว่า ทาง NP300 Navara นั้น จะให้อะไรที่มากกว่า ประกอบด้วย ปุ่มควบคุมเครื่องเสีงบนพวงมาลัย, DVD, จอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว, แอร์ตอนหลัง, Cruise Control และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start ถือว่านิสสันเค้าจัดเต็มจริงๆ

เครื่องยนต์



              ในส่วนของพละกำลังเครื่องยนต์จะอยู่ในพิกัดเดียวกันคือ 2.5 ลิตร แต่น้องนาจะให้แรงม้ามากกว่าดีแมกซ์อยู่ถึง 27 ตัว!! และแรงบิดที่มีมากกว่า 403 นิวตัน-เมตร ส่วนดีแมกซ์จะอยู่ที่ 320 นิวตัน-เมตร เท่านั้น ระบบเกียร์ธรรมดาน้องนาจะมี 6 สปีด ส่วน D-Maxมีเพียง 5 สปีด ต้องรอลุ้นในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ Isuzu D-Max อีกทีว่าจะยัดเกียร์ธรรมดา 6 สปีดมาให้เหมือนเพื่อนฝูงหรือไม่!!


          ระบบความความปลอดภัย ทั้งคู่จะมีระบบเบรก ABS/EBD และ BA มาให้ แต่นาวาราก็จะเหนือกว่าที่มีถุงลมนิรภัยคู่หน้ามาให้ รวมไปถึงกล้องมองหลังก็เช่นกัน ในจุดนี้ NP300 Navara ก็ถือว่าอัดออฟชั่นมาให้อย่างถูกใจทีเดียว

การทดสอบการชน

                เรื่องนี้ไม่พูดไม่ได้เลย เพราะมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เรามาดูกันดีกว่าว่าเจ้า D-Max ผลทดสอบจะออกมาเช่นไร (โดยอ้างอิงจากสนามทดสอบ Euro Ncap)


คะแนนการปกป้องผู้ใหญ่ได้ไป 83 %
คะแนนการปกป้องเด็กได้ไป 67 %
คะแนนการปกป้องคนเดินเท้าได้ไป 51 %
และคะแนนของอุปกรณ์ความปลอดภัยได้ไป 71 %
แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ คะแนนในส่วนที่ได้นี้ จะเป็นรุ่นทดสอบที่มีระบบช่วยเหลือ และความปลอดภัยอย่างเต็มๆคัน ซึ่งรุ่นท็อปของไทยเราก็ยังมีให้ไม่ครบเลย และยิ่งเป็นรุ่นที่เรามาเปรียบเทียบจะถูกตัดระบบความปลอดภัยไปหลายอย่างมาก ฉะนั้นสิ่งที่จะอิงได้จากการทดสอบนี้คงจะเหลือเพียง 2 หัวข้อ นั่นคือ การปกป้องเด็ก และการปกป้องคนเดินเท้าเท่านั้น (บางคนรู้ว่ารถรุ่นตัวเองคะแนนทดสอบได้ 4-5 ดาว แต่หารู้ไหมว่ารุ่นที่ตนใช้อยู่มีระบบความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน เลยเตือนไว้ไม่อยากให้ดีใจเก้อ!!ส่วน NP300 Navara ยังไม่ได้ทดสอบในสนามนี้ครับ

สรุป...
                 Isuzu D-Max Super Daylight นั้น รูปร่างหน้าตาที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ดูดี ลงตัว และทันสมัยในสไตล์ของอีซูซุเอง ภายในที่ออกแบบมาดี เบาะนั่งให้ความสบายดีมากๆ ส่วนเครื่องยนต์ที่ดูจะด้อยกว่านาวารา ส่วนหนึ่งคือจะเน้นไปทางประหยัดเสียมากกว่า จึงต้องแลกมาด้วยพละกำลังที่หายไป สุดท้ายถือได้ว่าเป็นรถมหาชนที่ทำยอดขายได้ดีมากๆ และราคาขายต่อก็ดี แต่ในรุ่นที่นำมาเทียบ อุปกรณ์ที่ควรจะมีก็หายไปบ้าง และเป็นด้อยกว่า NP300 อยู่หลายจุด (ในราคาใกล้เคียงกัน)  ส่วน Nissan NP300 Navara จะได้เปรียบที่มีความสดใหม่ รูปร่างหน้าตาที่คบหาได้ กับภายในที่หรูหราเกินหน้าเกินตาค่ายอื่นๆ ออฟชั่นที่มีมาให้นั้น จัดว่าโอเคมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยจะเหนือกว่าในหลายๆจุด อย่างที่ได้เห็นในตารางแล้ว ตัวเลขกำลังเครื่องยนต์ก็ยังเหนือกว่าดีแมกซ์ชัดเจน สุดท้ายก็คงเป็นเรื่องของการ Test Drive ที่ทุกท่านต้องไปลองเองนะครับ หวังว่าบทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายคนที่กำลังมองเจ้า 2 คันนี้อยู่ครับ...!!
*******************************************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น