วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

First Challenge : All-New Toyota Fortuner รถอเนกประสงค์ PPV ที่หรูที่สุด พร้อมความปราณีตที่มีมากกว่าเดิม..!!

       เปิดตัวไปเรียบร้อยกับรถอเนกประสงค์ PPV ยอดนิยม All New Toyota Fortuner ครั้งแรกในโลกที่เมืองไทยเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากเจนเนอเรชันแรกเปิดตัวทำตลาดไปเมื่อปี 2004 ก็กวาดยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ และการกลับมาครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างนั้น ต่อไปนี้คือความรู้สึกที่ผมได้สัมผัสมาครับ



       จากงานเปิดตัว โตโยต้ายังจัดงานทดลองขับพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 17-19 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันเปิดตัวและงานทดลองขับของกระบะสายพันธุ์แกร่ง Ford Ranger Minorchange เช่นกัน มันส์ล่ะงานนี้ ว่าแล้วก็รีบบึ่งมาที่งานเปิดตัว Fortuner ทันที มีผู้คนให้ความสนใจพอสมควรครับ ส่วนหนึ่งก็ดูรถกันไป อีกส่วนก็จดจ้องไปที่เวทีหมอลำซิ่งที่ทางดีลเลอร์จัดให้โดยเฉพาะ แต่ที่นี่มีมาโชว์แค่คันเดียว นอกนั้นจะเป็นรถเก๋งและ Hilux Revo ที่จอดโชว์เพื่อหวังเพิ่มยอดขายขึ้นไปอีก หลังจากที่กระแสการซื้อรีโว่ไม่แรงเท่าที่ควร



       ย้อนกลับไปเมื่อปี 2547 โตโยต้าได้เปิดตัว Fortuner รุ่นแรกในช่วงปลายปีไล่เลี่ยกับคู่แข่งอย่าง Isuzu MU-7 แต่ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตดีไซต์ล้ำสมัย และขุมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล D4D รหัส 1KD-FTV เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 3.0 ลิตร ที่ให้กำลังมากถึง 163 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตร เรียกได้ว่าแรงที่สุดในเวลานั้น จึงส่งผลให้ยอดขายก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยที่มิวเซเวนตามมาอยู่อันดับที่สอง แต่ก็มีเสียงก่นด่าพอสมควรว่าเบรคของฟอร์จูเนอร์ทำออกมาได้แย่จังเลย และช่วงล่างหลังเป็นแบบคอยสปริง(รายแรกของรถพีพีวี) ก็รู้สึกไม่ค่อยจะเกาะถนนเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ MU-7 ที่ใช้ช่วงล่างหลังแบบแหนบ 

       ต่อมาฟอร์จูเนอร์ก็มีการปรับรุ่นไมเนอเชนจ์ตาม Hilux Vigo ที่สามารถเปิด Cab ได้แล้ว พร้อมกับเปลี่ยนกระจังหน้าและไฟหน้าโปรเจคเตอร์ใหม่ รวมถึงมีการเพิ่มระบบความปลอดภัยอย่างระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบกระจายแรงเบรค EBD, ระบบเสริมแรงเบรค BA และเพิ่มขนาดดิสก์เบรคให้ใหญ่ขึ้นเพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม



       จากนั้นในปี 2554 ก็ได้มีการ Big Minorchange พร้อมกับ Vigo Champ โดยการปรับหน้าตาและไฟท้ายใหม่ แผงคอนโซลตกแต่งใหม่พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่ยกมาจาก Camry ทั้งชุด และต่อมาได้ปรับเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ให้มีกำลัง 171 แรงม้า พร้อมเพิ่มจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว DVD ระบบนำทาง Eco Navi จะเห็นได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาโตโยต้าได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองเรื่อยๆ ซึ่งถ้านับถึงวันนี้ก็มีอายุไม่ต่ำกว่า 10 ปี!! ในขณะที่ตัวใหม่เปิดตัวไปแล้ว รุ่นเก่าก็ยังต้องขายกันต่อเพื่อล้างสต๊อกเก่าออกนั่นเอง

       จากอดีตสู่ปัจจุบันรถรุ่นนี้มีกระแสตอบรับดีมากจากลูกค้าชาวไทย แต่ก็ต้องมีเสียงด่าหรือคำปรามาสต่างๆนานาสารพัดทั้งคนใช้จริงและคนจริงไม่เคยใช้จ้องจิกตลอดเวลา มันจึงทำให้ Fortuner รุ่นใหม่เป็นรถที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ จากการเปิดตัวของ Hilux Revo ที่ใครหลายคนรวมถึงสาวกโตโยต้าเอง(บางส่วน)ไม่ได้รู้สึกว้าวอย่างที่คาดคิดกันเอาไว้ แต่กับ All New Toyota Fortuner มันกลับดูสวยกว่าและมีกระแสตอบรับในแง่ดีกว่ากันพอสมควร ถึงคนซื้อรถกลุ่มนี้จะไม่เยอะเท่ากระบะ แต่ก็รู้ได้ชัดเจนว่าส่วนใหญ่ชอบหน้าตาฟอร์จูเนอร์มากกว่ารีโว่ แต่ที่จริงก่อนหน้านี้ที่มีภาพ Spyshot ออกมาวิ่งกันเกลื่อนถนน รวมถึงภาพที่ได้สเก็ตซ์ออกไปก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว และผมก็มั่นใจว่ามันจะต้องเป็นรถ PPV ที่สวยแน่ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด อาจจะผิดคาดเล็กน้อยที่มันหรูกว่าที่คิด!!




       All New Fortuner มีรุ่นย่อยทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ รุ่น 2.4G MT, รุ่น 2.4V AT, รุ่น 2.7V AT, รุ่น 2.8V AT และรุ่น 2.8V 4WD ซึ่งเป็นตัวเดียวกันที่จอดโชว์อยู่ในตอนนี้ พร้อมกับสีน้ำตาล Phantom Brown ใหม่ โดยจะมีความแตกต่างจาก Hilux Revo ชัดเจน ซึ่งโตโยต้าตั้งใจจะให้รถรุ่นนี้มีความหรูหราและภูมิฐานมากขึ้นกว่าเดิม และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทรงไฟหน้ามีขนาดไม่ใหญ่ แต่จะเรียวยาวโอบไปถึงด้านข้าง การวางตำแหน่งไฟก็ทำได้ลงตัวมากครับ โดยฝั่งที่ชิดกับกระจังหน้าจะเป็นไฟสองสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED ห้าดวงเรียงต่อกันคู่กับไฟเลี้ยว และถัดออกมาจะเป็นไฟโปรเจ็คเตอร์แบบ LED Bi-Beam หลายคนเห็นโคมเล็กๆแบบนี้ถามว่ามันจะสว่างหรอ? ตอบเลยว่าสว่างแน่นอนครับ ซึ่ง Options นี้จะได้ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น 2.4G MT ที่จะได้ไฟ DRL และไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์แบบฮาโลเจน 

       กระจังหน้าโครเมียมที่ทำติ่งให้มันไหลย้อยลงมา หลายคอมเม้นท์ก็มีนะที่ไม่ชอบ แต่ผมว่ามันสวยดี^^ ไฟตัดหมอกตกแต่งด้วยกรอบโครเมียมดูเหมือนเสือแยกเคี้ยวแต่ก็ดูหรูได้เหมือนกัน กันชนหน้าดูหนาๆยังไงไม่รู้ มันรู้สึกขัดตาขัดใจนิดนึง โป่งล้อตีออกมาคนละแบบกับรีโว่เลยครับ แถมยังเสริมคิ้วพลาสติกเส้นเล็กเหมือนพวก SUV ที่นิยมใส่กัน ล้ออัลลอยปัดเงาขนาด 18 นิ้ว และนี่น่าจะเป็นกุญแจไขปริศนาว่าทำไมโตโยต้าไม่ให้ล้อลายนี้มาใน Revo เหมือนตัวส่งออก ก็เพราะมันจะซ้ำกับล้อของฟอร์จูเนอร์นี่เอง(แต่ผมว่าใส่มาให้เถอะ!) แต่จุดที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นเส้นขอบกระจกที่จะตวัดเส้นขึ้นตรงเสา C แถมยังตัดด้วยเส้นโครเมียมเพื่อเพิ่มความโดดเด่น 

       นอกจากไฟหน้าที่ดูเด่นแล้ว ไฟท้ายก็เด่นไม่แพ้กัน โดยไฟหรี่จะเป็น Light Guiding สองเส้นยิ่งเพิ่มความหรูหราเข้าไปอีก และฝาท้ายยังสามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย ซึ่งให้มาทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น 2.4G MT 





เบาะแถว 3 สามารถพับและแขวนเก็บได้ แต่ถ้าทำให้พับราบเรียบเหมือนใน All New Everest จะดีมากกว่า

       โดยรวมแล้วเป็นรถที่มีดีไซต์เข้ายุคสมัยชนิดที่เรียกว่าตัวเก่าแทบเทียบไม่ติดเลย ถ้าใครยังไม่ได้เห็นตัวจริงก็อาจจะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนมากนัก ถ้าแม้ว่าทรวดทรงจะไม่ค่อยต่างจากเดิม แต่มีความแพรวพราวกว่ากันชัดเจน และยังรวมไปถึงการเก็บรายละเอียดต่างๆ วัสดุที่ใช้ก็ทำได้ดีขึ้น เนียนขึ้น และนี่คือรถอเนกประสงค์ PPV ค่ายเดียวในเวลานี้ที่มีการดีไซต์แตกต่างจากกระบะ"มากที่สุด" ซึ่งนิสัยนี้เป็นมาตั้งแต่เจนเนอเรชันแรก ในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็น Isuzu MU-7, Ford Everest และ Mitsubishi Pajero Sport ทั้งยังต้องรวมถึง All New Isuzu MU-X, All New Chevrolet Trailblazer และ All New Ford Everest ในยุคเดียวกัน ก็ยังทำดีไซต์ออกมาแทบไม่หนีจากกระบะของตัวเองเลย มีเพียง Fortuner ที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด ซึ่งในโฉม All-New โตโยต้าก็ยังรักษาตรงนี้ไว้ ซึ่งผมว่าดีนะ..การที่ทำรถออกมาให้แตกต่างกันทั้งๆที่ใช้พื้นฐานจากกระบะมันเหมือนเป็นการเพิ่มทั้งเอกลักษณ์และเพิ่มตัวตนให้กับลูกค้าได้ ตำแหน่งนี้ต้องยกให้เขาเลย แต่ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ กำลังจะมีผู้มาแย่งชิงตำแหน่งนี้แบบไม่มีข้อครหาใดๆ All New Mitsubishi Pajero Sport ที่มีการดีไซต์ใหม่ทั้งคันแบบคนละโลกกับ All New Triton คนละโลกจริงๆนะ!!





       ในส่วนของภายในถือว่าปรับเปลี่ยนไปอย่างมากทั้งตัวเก่าและรีโว่ เห็นครั้งแรกอาจจะไม่ได้รู้สึกอลังการ แต่มันรู้สึกหรูแบบสุขุม การใช้สีภายในโทนสีดำสลับกับเบาะสีครีมชามัวร์ในรุ่นท็อป 2.8V 4WD นอกนั้นจะได้โทนสีน้ำตาล สำหรับวัยรุ่น(อย่างผม)ก็ยังมองว่าหรูหรา แต่สำหรับผู้ใหญ่วัย 40+ น่าจะชอบและมองว่าหรูสุดๆเลยล่ะ 

       แผงคอนโซลมีการบุวัสดุนุ่มเป็นหนังสังเคราะห์ แต่จะแปะไว้บริเวณที่ครอบมาตรวัดและฝาปิดแกะ Cool Box เท่านั้น ด้านบนก็ยังเป็นพลาสติกอยู่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบรีโวแต่เสริมลายไม้ และมี Cruise Control ในรุ่น 2.8V การดีไซต์และตกแต่งชุดเครื่องเสียงจะมีแถบครอบสองฝั่งที่นูนออกมา ตอนที่ดูในภาพยังแอบสงสัยว่ามันจะบังพวกปุ่มต่างๆหรือเปล่า แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้บังอย่างที่คิด แต่ก็เกือบๆเหมือนกันหากใครตัวเล็กขาสั้นและต้องเลื่อนเบาะไปข้างหน้ามากเป็นพิเศษ

       อุปกรณ์ความบันเทิงจัดมาให้อย่างครบครันครับ สิ่งที่จะได้ในทุกรุ่น V คือชุดเครื่องเสียงที่สามารถเล่นวิทยุ FM/AM MP3/CD/VCD/DVD ได้ มีจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางที่รองรับ T-Connect ของโตโยต้าได้ ช่องต่ออุปกรณ์ USB/AUX Bluetooth และลำโพง 6 จุด ส่วนในตัว 2.4G จะตัดจอสัมผัส, DVD, ระบบโทรออกด้วยเสียง และระบบนำทางออกไปครับ แต่ทุกรุ่นยังได้เสาอากาศแบบครีบฉลามอีกด้วย

       All New Fortuner ทุกรุ่นจะมีปุ่ม Push Start มาให้ (ซึ่งใน All New Everest ไม่มี) กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ(ยกเว้นรุ่น 2.4G) มีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสตรง 12 โวลต์ 3 จุด ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ 220 โวลต์ 1 จุด กระจกหน้าต่างขึ้นลงอัตโนมัติทั้งสี่บานให้มาทุกรุ่น


 มาตรวัดแตกต่างจากรีโวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
 แถบคลุมชุดเครื่องเสียงมีการบุวัสดุนุ่มยาวลงมาถึงด้านล่าง เมื่อเรานั่งมันจะรองรับเข่าพอดี ลดอาการบาดเจ็บเวลาเข่ากระแทก ส่วนที่เปิด Cool Box กล่องทำความเย็นก็จะใช้วิธีกดปุ่มที่ตกแต่งสีเงินพร้อมสลักชื่อ "Fortuner" และเก๊ะด้านล่างจะสามารถล็อกได้ด้วยกุญแจ
 ในรุ่น V จะมีแป้น Paddle Shift และรุ่น 2.8V จะมีระบบ Stop & Start ตัดการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อรถจอดหยุดนิ่ง

ไฟส่องภายในห้องโดยสารจะเป็นแบบ LED

       เบาะนั่งฝั่งคนขับเกรด V ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง เท่าที่นั่งเทียบกับตัวเดิมที่จอดข้างๆกัน พบว่าตัวเบาะมีขนาดใหญ่และมีปีกโอบกระชับดีมากครับ หนังและการเย็บปราณีตขึ้น ฟองน้ำนุ่มกว่าทำให้นั่งแล้วผ่อนคลายกว่าพอสมควร และอารมณ์หลังพวงมาลัยจะรู้สึกหรูแบบสุขุม อบอุ่น และมั่นคงกว่าจากการตกแต่งและวัสดุที่ใช้ ส่วนเบาะหลังตอนที่สองจะสามารถเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้ เบาะรองขาวยาวขึ้นแต่ไม่มากนะ ฟองน้ำที่นุ่มขึ้นมันเลยทำให้อะไรๆก็สบายตัวไปหมด พื้นที่วางขาไม่ต่างจากเดิม แต่พื้นที่ Headroom จะน้อยกว่าเดิม อาจจะเป็นเพราะมีการยกเบาะรองนั่งขึ้น(นิดนึง) บวกกับเพดานที่ต่ำกว่าเดิม ทำให้เวลาที่ผมนั่งศีรษะชนเพดาน ซึ่งในรุ่นเดิมไม่เป็นแบบนี้ จะมีพื้นที่เหลือกว่ากันประมาณ 4 ซม. ส่วนเบาะแถวสามก็น่าจะเหมาะกับเด็กหรือผู้หญิงตัวเล็กมากกว่า เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างแคบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถประเภทนี้




เบาะแถวสองสามารถพับแยกแบบ 60/40 ทั้งยังมีที่วางแขนมาให้ด้วย ซึ่งจะมีที่วางแก้วซ่อนไว้ส่วนปลาย ถ้าจะใช้ก็แค่กด มันก็จะเด้งออกมา

       ขุมพลังของ All New Fortuner ก็ใช้แบบเดียวกันกับ Hilux Revo คือมีทั้งเครื่องดีเซลและเครื่องเบนซิน

- เครื่องยนต์ดีเซล 1GD-FTV ขนาด 2.8 ลิตร ความจุ 2,755cc. 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VN Turbo ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่ Power Mode/Eco Mode ที่ให้มาทุกรุ่น

- เครื่องยนต์ดีเซล 2GD-FTV ขนาด 2.4 ลิตร ความจุ 2,393cc. 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VN Turbo ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ 6 สปีด

- เครื่องเบนซิน 2.7 ลิตร (เครื่องเดิม) 2TR-FE ขนาด 2.7 ลิตร ความจุ 2,694cc. 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 245 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E20


       ระบบความปลอดภัยก็ถือว่าให้มาแบบครบตั้งแต่ตัวเริ่มต้น ดังนี้
รุ่น 2.4G จะได้- ถุงลมนิรภัย 3 ตำแหน่ง คู่หน้า และหัวเข่า
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบ Brake Override System
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
- ระบบควบคุมการส่ายเมื่อต่อส่วนพ่วงท้าย TSC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรคกระทันหัน ESS
- สัญญาณกันขโมย TDS
- ระบบกุญแจ Immobilizer
- เซนเซอร์กะระยะถอยจอด

รุ่น 2.4V ขึ้นไปจะได้
- กล้องมองหลังขณะถอยจอด
- ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านนิรภัย และหัวเข่า


และรุ่น 2.8V 4x4 จะเพิ่ม
- ระบบป้องกันการลื่นไถล A-TRC
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC


All New Toyota Fortuner มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น 2.4G M/T ราคา 1,199,000 บาท
- รุ่น 2.4V A/T ราคา 1,369,000 บาท
- รุ่น 2.7V A/T ราคา 1,449,000 บาท
- รุ่น 2.8V A/T ราคา 1,529,000 บาท
- รุ่น 2.8V 4WD ราคา 1,599,000 บาท

และมีสีให้เลือกทั้งสิ้น 7 สี โดยเป็นสีใหม่ 2 สี ได้แก่
- สีน้ำตาล Phantom Brown สีใหม่
- สีน้ำเงิน Nebula Blue สีใหม่- สีขาวมุก White Pearl (เพิ่ม 12,000 บาท)
- สีดำ Attitude Black
- สีเทา Gray Metallic
- สีบรอนซ์เงิน Sliver Metallic


       สรุปแล้ว All New Toyota Fortuner มีการศึกษาพัฒนาจนทำการบ้านออกมาค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับตัวเดิมจะมีความปราณีต คุณภาพวัสดุดีขึ้น ภายในไม่ต่างจากรถ SUV ระดับหรู ความสะดวกสบายครบครันและดีกว่าเดิม ส่วนความสวยส่วนตัวผมมองว่าออกแบบมาดีนะ ดูลงตัวใช้ได้ ถึงแม้ใครยังบอกว่าชอบรุ่นเดิมมากกว่า อันนี้ก็เป็นความชอบของแต่ละคน เพราะตัวเก่าก็ยังสวยไม่ส่าง เรียกว่า "สวยอมตะ" ดีกว่า แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Ford Everest ที่ดูจะเป็นตัวเทียบที่ดีที่สุดในเวลานี้ ถือว่าสูสีกันมาก อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัย ต่างขาดต่างเหลือผลัดกันทั้งสองคัน รวมถึงค่าตัวรุ่นท็อปที่ชนกันอีก สิ่งสำคัญคือลองขับและเลือกรถที่ใช่จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด การปรับปรุงครั้งนี้อย่างที่บอกไปคือรักษาตำแหน่งความแตกต่างจากกระบะมากที่สุด ณ ตอนนี้ และความแตกต่างที่พัฒนาจากเดิมแทบไม่มีอะไรเทียบติดแล้ว และขอกาดอกจันไว้ว่ารถคันนี้เป็นรถพัฒนาขึ้นมาอีกก้าวหนึ่งอย่างสมบูรณ์แบบ แต่จะเป็นที่สุดหรือไม่ คงต้องไปลองขับว่าโดนใจหรือเปล่า แต่ยังมี All New Mitsubishi Pajero Sport อีกคันที่จะเปิดตัวในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ศึกนี้ยังมันส์ได้อีก..!!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars คลิกที่นี่
**************************************




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น